ยังไม่ขึ้นภาษี VAT
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
กระแสข่าวรัฐบาลจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เกิดขึ้นหลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวในงานสัมมนาตอนหนึ่งระบุว่า ได้สั่งการให้เร่งพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนเรื่องการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล อาทิ ภาษีนิติบุคคล จัดเก็บกันที่ 15% ของไทยอยู่ที่ 20% รัฐบาลต้องคิดปรับลดลงมา เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
ขณะเดียวกัน ก็ต้องมาพิจารณาว่าหากลดภาษีดังกล่าวลงแล้ว จะต้องไปปรับเพิ่มภาษีในส่วนไหน เพื่อช่วยสนับสนุนเรื่องการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ภาษีที่มีส่วนสำคัญคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่จัดเก็บจากการบริโภคที่ 7% ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ทั่วโลกจัดเก็บที่ 15-25% จะเพิ่มเป็นเท่าไร ก็ต้องมาพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นระดับที่อยู่รอดกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว
ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายอยู่ และการดำเนินการต้องค่อยเป็นค่อยไป ภาษีแวตเป็นเรื่องที่อ่อนไหว สิ่งแรกคือ ต้องทำให้คนเข้าใจก่อน หากจัดเก็บภาษีแวตในอัตราที่สูงขึ้น และเหมาะสม จะเป็นเครื่องมือช่วยลดช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวย และคนจนลงได้ จากการจัดเก็บภาษีบริโภคที่สูงขึ้น ฯลฯ
ข่าวนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาหลากลาย ทั้งทางลบเห็นว่า เศรษฐกิจอยู่ระหว่างฟื้นตัว ไม่ควรเพิ่มภาระให้ประชาชนมากขึ้น ส่วนทางบวก เห็นว่า ควรทำ เพื่อจะได้มีเงินเข้ามาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศมากขึ้น ประมวลรัษฎากรเองเปิดให้เก็บร้อยละ 10
แต่มีข้อยกเว้นให้เก็บต่ำกว่า 10 ได้ โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเป็นคราว ๆ ไป และมีการออกพระราชกฤษฎีกาให้เก็บร้อยละ 7 มาเรื่อย ๆ จนบัดนี้ ขณะที่ผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจ แสดงความเห็นในเชิงหลักการ สนับสนุนการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้นขณะที่ภาษีที่เก็บอยู่ค่อนข้างต่ำ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้ว่าควรปรับโครงสร้างภาษี เพราะรัฐบาลไม่มีรายได้ที่จะลงทุน ต้องตั้งงบขาดดุลต่อเนื่องตลอด10 ปีที่ผ่านมา ในนามสมาคมธนาคารไทย อยากสื่อสารว่า การขึ้นภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัจจุบันมีผู้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 12 ล้านคน แต่มีคนเสียภาษี 4 ล้านคน และมีคนขอสวัสดิการของรัฐ 70 ล้านคน ยังไม่รวมแรงงานนอกระบบที่เป็นต่างด้าว เป็นสัดส่วนที่ไม่สมดุลกัน
นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ออกมาย้ำว่า ไม่ขึ้นภาษี VAT และกระทรวงการคลังกำลังศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีให้ครบทุกมิติและเป็นธรรม ซึ่งเท่ากับปฏิเสธข่าวขึ้นภาษี แต่ยังยืนยันการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างภาษี ผลดีผลเสียทุกมิติ และสร้างการจัดเก็บที่เป็นธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องพัฒนาประเทศและสร้างศักยภาพให้กับประเทศโดยวิธีหนึ่งคือการเก็บภาษี
แต่การเก็บภาษีก็เป็นภาระสำหรับประชาชน จึงจำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสมอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และความร่วมมือจากสังคมและประชาชน