ส่องส่งออกปีกระต่าย ตื่นรู้ได้…แต่อย่าตื่นตูม
เริ่มนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่กันแล้วนะครับ บรรยากาศดูจะคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากเงียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะการบริโภคและการท่องเที่ยวที่หลายฝ่ายคาดว่าจะเป็นความหวังใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2566 หรือปีกระต่าย
แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากหันมามองบรรยากาศของการส่งออกที่เคยเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กลับดูจะเริ่มอึมครึมมากขึ้น
ล่าสุดตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม 2565 ออกมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือนที่ -4.4%
ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นขาลงของการส่งออกไทยหรือไม่
สำหรับผมเอง ตัวเลขล่าสุดที่หดตัวไม่ได้ surprise ผมเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ได้ฝากถึงผู้ประกอบการมาเป็นระยะผ่านดัชนีชี้นำการส่งออกของ EXIM BANK (EXIM Index) ที่ลดลงต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 7 ไตรมาส จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่อยากให้ผู้ประกอบการตื่นตูมมากเกินไป แต่ต้อง “ตื่นรู้” เพื่อหาโอกาสที่จะมาพร้อมกับความเสี่ยง ดังนี้
– รู้ตลาด มองหาที่พึ่ง :
หากพิจารณาตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม 2565 พบว่าแม้จะมีตลาดส่งออกของไทยถึงกว่า 75% หดตัว
โดยเฉพาะตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ ยุโรป และจีนที่หดตัวพร้อมกันครั้งแรกในรอบ 40 เดือน แต่กลับยังมีบางตลาดที่สามารถโตสวนกับตลาดอื่นได้
ดยเฉพาะ CLMV และตะวันออกกลางที่โตกว่า 10% และ 22% ตามลำดับ
ทั้งนี้ CLMV ถือเป็นเพื่อนเก่ายามยากของไทย สังเกตได้จากบางปีที่ส่งออกรวมหดตัว 3 ปีติดต่อกันอย่างปี 2556-2558 แต่การส่งออกไป CLMV กลับยังโตเฉลี่ยถึง 10%
สะท้อนว่าตลาด CLMV ยังมีพื้นที่เปิดรับให้แก่สินค้าไทยและเป็นตัวช่วยที่ดีในฐานะ buffer
สำหรับการส่งออกไทยในยามที่ตลาดอื่น ๆ ชะลอลง ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางก็กำลังกลายเป็นเพื่อนใหม่ สะท้อนได้จากตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่ส่งออกไทยโตได้สูงสุดกว่า 26% ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2565
โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่กลับมาผูกมิตรกับไทยในรอบ 30 ปี รวมถึงอิรักที่กลับมานำเข้าข้าวไทยในรอบ 7 ปี จนกลายเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 1 ของไทย แซงหน้าตลาดสหรัฐแล้ว
– รู้ทิศทางลม เกาะตามกระแส :
นอกจากกระแสรักษ์โลกและรักษ์สุขภาพที่ EXIM BANK ย้ำกับผู้ส่งออกมาตลอดว่าจะกลายเป็น new world order ใหม่แล้ว กระแส revenge travel หรือการที่นักท่องเที่ยวอยากออกเดินทางเพื่อชดเชยในช่วง COVID-19 ก็ดูจะเป็นอีกกระแสที่น่าจับตามองไม่แพ้กันในปีหน้า
ล่าสุด EIU คาดว่าการท่องเที่ยวโลกปี 2566 จะขยายตัว 30% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่ IMF คาดว่าจะโตเพียง 2.7% ต่ำสุดในรอบ 21 ปี (ไม่รวมปีที่เกิดวิกฤต)
ทั้งนี้ การที่ไทยเป็น Top 10 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย โดยปีหน้าหลายฝ่ายคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าไทยถึง 20-25 ล้านคน
ซึ่งไม่เพียงภาคท่องเที่ยวที่จะได้ประโยชน์ แต่จะเกิด spillover effect ไปยังภาคส่วนอื่น ๆ รวมถึงการส่งออก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ปี 2562 ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยสูงถึง 40 ล้านคน มีส่วนหนุนให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ อาหาร ผลไม้ เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้าน ล้วนโต double digits สวนทางกับการส่งออกรวมที่หดตัว 2.6% ในปีเดียวกัน
– รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง :
ผมกำลังพูดถึงท่าทีของเราท่ามกลางการแบ่งขั้วของโลก (decoupling) ที่ยังมีต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งผมมองว่าการวางตัวเป็นกลางของไทยจะเป็นโอกาสทั้งในแง่การค้า ผ่านการส่งออกไปแทนสินค้าของประเทศคู่ขัดแย้ง โดยเฉพาะจีนกับสหรัฐ
สังเกตได้จากตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันที่ 2 ประเทศทำสงครามการค้ากัน สินค้าของไทยเข้าไปแทนสินค้าของจีนในตลาดสหรัฐได้ต่อเนื่อง อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
หรือแม้แต่การลงทุนที่ไทยจะได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ล่าสุดบริษัท EV ของจีนหลายแห่งก็เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยแล้ว อาทิ BYD, SAIC, GWM เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็ยังมีนักลงทุนอีกหลายชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น สะท้อนได้จาก FDI inflow ที่โต 7.6% ในช่วงครึ่งแรกปี 2565
นอกจากนี้ ผมยังสังเกตเห็นว่า 8 ใน 10 ปีหลังสุด หากปีใดที่ FDI ขยายตัว ปีนั้นการส่งออกไทยก็จะโตไปด้วย ซึ่งล่าสุดหากดูมูลค่าการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 พบว่าขยายตัวถึง 114%
แน่นอนว่าเม็ดเงินจำนวนนี้จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในปีหน้า และจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยประคองการส่งออกไทยได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ผมแค่อยากจะให้กำลังใจผู้ส่งออกไทยว่า ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสแฝงตัวอยู่เสมอ อย่าตระหนกจนเกินไปเหมือนกระต่ายที่กำลังตื่นตูม หรืออย่าเป็นกระต่ายประมาทเกินไปจนวิ่งแพ้เต่า
แต่ต้องมีสติเพื่อมองหาโอกาส และป้องกันความเสี่ยงให้ได้อย่างทันท่วงที
สุดท้ายนี้ ผมขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ทุกท่านล่วงหน้าด้วยเลยนะครับ ขอให้ปีหน้าเป็นปีกระต่ายทองที่หนุนนำความสุขและโชคลาภมาให้แก่ทุกท่าน