เศรษฐกิจ “อียู” ฟื้นเร็วกว่าคาด กลับมา “ปกติ” สิ้นปีนี้

จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (อียู) เผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก แต่ไม่กี่เดือนต่อมา หลังจากหลายประเทศในภูมิภาคได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด รวมถึงได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว ได้ทำให้หลายประเทศสามารถกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

 

คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู ล่าสุดได้คาดการณ์ว่า อัตราเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของอียูในปี 2021 จะขยายตัวสูงถึง 4.8% และปี 2022 จะขยายตัว 4.5% ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือน พ.ค. ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.3% ในปีนี้ และ 4.4% ในปีหน้า

 

 

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอียูในปีนี้จะขยายตัว 4.6% โดยตัวเลขคาดการณ์จีดีพีล่าสุดของทางคณะกรรมาธิการยุโรป บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอียูจะกลับอยู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโรคระบาด ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 1 ไตรมาส

 

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ขณะที่หลาย ๆ ประเทศ ก็ได้มีการปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้ เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะ “ฝรั่งเศส” ปรับคาดการณ์ขยายตัวปีนี้ 5.7% เพิ่มเป็น 6% ขณะที่ “เยอรมนี” ปรับเพิ่มจาก 3.4% เป็น 3.6% รวมทั้ง “สเปน” คาดการณ์ว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวถึง 6.2%

 

“ปาโอโล เจนตีโลนี” ประธานด้านเศรษฐกิจคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจอียูปีนี้ จะมีอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมเศรษฐกิจที่สามารถกลับมาดำเนินได้ตามปกติ โดยเฉพาะภาคบริการที่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

 

 

ขณะเดียวกัน เจนตีโลนีระบุว่า ช่วงหน้าร้อนของอียูตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย.นี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิกอียู จะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศที่พึ่งรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูง เช่น กรีซ สเปน โปรตุเกส และอิตาลี

 

โดยอียูได้เริ่มใช้ “วัคซีนพาสปอร์ต” ของภูมิภาค หรือ “อียู ดิจิทัล โควิด เซอร์ติฟิเคต” ซึ่งบันทึกข้อมูลหลักฐานการฉีดวัคซีน รวมถึงประวัติการตรวจเชื้อโควิด-19 ไว้สำหรับการเดินทางระหว่าง 27 ประเทศของอียู โดยไม่ต้องมีมาตรการกักตัว ซึ่งได้เริ่มใช้งานระบบดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม เจนตีโลนีระบุว่า ต้องเร่งอัตราการฉีดวัคซีนอีกหลายเท่า ถึงแม้โครงการฉีดวัคซีนจะดำเนินมาอย่างรวดเร็วแล้ว โดยโควิด-19 “สายพันธุ์เดลต้า” เป็นสัญญาณที่คอยเตือนว่า ตอนนี้อียูยังไม่ได้สามารถกำจัดโควิดออกไปได้หมด

 

 

ก่อนหน้านี้ “อังเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมาเตือนว่า สายพันธุ์เดลต้าจะระบาดหนัก และมีการคาดการณ์ว่าในเดือน ส.ค.นี้ ผู้ติดเชื้อในอียู 90% จะเป็นการติดเชื้อของสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่ทางการฝรั่งเศสระบุว่า สายพันธุ์เดลต้าอาจจะทำให้ประเทศเผชิญกับการระบาดระลอก 4 และเป็น “อุปสรรค” เดียวที่เสี่ยงจะมาขัดขวางการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในปีนี้