สแกนเข้ม ท่าเรือแหลมฉบัง เฝ้าระวังเรือขนตู้สารพิษลักลอบเทียบท่าไทย

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
เหตุเกิดจากการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศ นำมาสู่การยกระดับเฝ้าระวังปัญหาอย่างเข้มข้น โดย “มนพร เจริญศรี” รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายหน่วยงานต้นสังกัด คือ “การท่าเรือฯ” ให้ตรวจสอบเข้มข้น และติดตามแบบเกาะติดสำหรับเรือขนตู้สารพิษ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาจอดเรือเทียบท่าในท่าเรือแหลมฉบัง

โดยข้อสั่งการมีการกำชับเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง ยึดระเบียบและข้อกฎหมายเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ จากการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศระบุว่า มีเรือบรรทุกสารพิษจำนวน 2 ลำ ขนสารพิษประเภทฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ จำนวนมากกว่า 100 ตู้ โดยขนจากประเทศต้นทางคือประเทศแอลเบเนีย มุ่งหน้าเข้าสู่จุดหมายปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบัง กำหนดจอดเทียบท่าวันที่ 20 สิงหาคม 2567 นั้น

“เรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหว จึงได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะกำกับดูแลท่าเรือแหลมฉบัง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบและป้องกันการลักลอบการนำสารพิษเข้ามายังประเทศไทยในทุกช่องทาง อีกทั้งได้กำชับให้ กทท.ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศชาติ โดยยึดระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด”

ด้าน “นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข” ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การท่าเรือฯ ได้รับข้อสั่งการจากรักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยติดตามเรื่องเรือบรรทุกสารพิษที่มีปลายทางเทียบท่าท่าเรือแหลมฉบังอย่างใกล้ชิด

พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ อาทิ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับการยืนยันจากตัวแทนสายเรือว่า เรือทั้ง 2 ลำเป็นเรือในเครือของ Maersk Campton ที่จดทะเบียนในธงอังกฤษ และไม่ได้เป็นของ Maersk แต่เป็นเรือที่ได้รับสัญญาเช่าในนาม Maersk เพื่อขนส่งสินค้า โดยไม่มีเส้นทางการเดินเรือประจำในประเทศไทย จึงไม่ได้มีกำหนดเข้าประเทศไทย และพบว่าเรือที่เป็นข่าวลำแรกอยู่ในบริเวณทะเลฝั่งทวีปแอฟริกา และเรืออีกลำอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศสิงคโปร์

นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังเกาะติดสถานการณ์ พร้อมยกระดับการเฝ้าระวัง และประสานงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อความไม่ประมาท และป้องกันการลักลอบนำสารพิษเข้ามาในประเทศไทย

โดยเป็นไปตามระเบียบการท่าเรือฯ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง ปี 2559 ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ก่อนเรือสินค้าเทียบท่า

นอกจากนี้ ยังมีการประสานร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบหากมีการนำเข้าตู้สินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย.