ปลดล็อก “เรือใหญ่” ได้ตู้เพิ่ม 25,000 ตู้

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในปี 2563 หนักกว่าปีที่ผ่านมา เห็นชัดมากในช่วงเดือนมิถุนายน 2563
ที่มา : www.prachachat.net

เป็นช่วงที่จีนผ่อนคลายเรื่องของมาตรการโควิด-19 มากขึ้น ทำให้ปริมาณความต้องการส่งออกเพิ่มมากขึ้น เวียดนามมีปัญหาโควิด-19 น้อยกว่าหลายประเทศในแถบนี้ ทำให้การส่งออกดีและขยายตัว รวมไปถึงเวียดนามมีข้อตกลงทางการค้า CPTPP และข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับยุโรป ทำให้เกิด “การแย่งตู้” มากขึ้น

นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากประเทศปลายทางอย่างสหรัฐ ยุโรป ที่นำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้ตู้ตกค้างมากขึ้น ส่งผลให้ตารางการเดินเรือช้าไป ตู้เปล่ากลับมาก็น้อยลงไปด้ว

“ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความต้องการสินค้าและปริมาณสินค้า (ดีมานด์และซัพพลาย) ของโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางที่หารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นทางออกที่ดีในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการลดค่าระวาง การเพิ่มพื้นที่ให้ตู้เปล่าเข้ามาให้มากขึ้น”

โดยสิ่งที่มองว่าจะจูงใจให้สายเรือเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นและช่วยเพิ่มปริมาณของตู้คอนเทนเนอร์ คือการออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้สายเรือนำเข้าตู้เปล่าที่สภาพดีเข้ามาให้มากขึ้น

โดยเฉพาะให้เรือขนาด 400 เมตร สามารถเข้าท่าเทียบเรือแหลมฉบังได้ จากเดิมจะเข้าได้เฉพาะเรือขนาด 300 เมตร ส่วน 400 เมตรจะเข้ามาได้ต้องมีการขออนุญาต ซึ่งมีต้นทุนและเสียโอกาสในเรื่องนี้มาก เพราะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายตู้เพื่อส่งไปยังเรือแม่ที่ไต้หวัน สิงคโปร์ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ซึ่งท่าเรือของไทยสามารถรองรับได้

"หากให้เรือขนาด 400 เมตรเข้ามาได้ จะทำให้มีปริมาณตู้เข้ามาเพิ่มถึง 25,000 ตู้ จากเรือขนาด 300 เมตร มีเพียง 10,000 ตู้เท่านั้น และด้วยประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ทำให้มีตู้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำอย่างไรเพื่อจูงใจและลดค่าใช้จ่าย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการบริการซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ให้กลุ่มนี้ หากดำเนินการได้สำเร็จทำให้มีตู้ที่พร้อมเชื่อว่าจะช่วยให้ไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นด้วย”